ความรู้สำหรับครู........นายปณิธาน
เรืองไชย
ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดถ้ำวราราม สพป.สุราษฎร์ธานี เขต ๒
-----------------------------------------------------------------------------------
โครงสร้างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีภารกิจในการประสาน ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา
ในเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และกฎหมายอื่นๆโดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบการปฏิบัติราชการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแบ่งส่วนราชการออกเป็นกลุ่ม ดังนี้
๑. กลุ่มอำนวยการ
๒. กลุ่มบริหารงานบุคคล
๓. กลุ่มนโยบายและแผน
๔. กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา
๕. กลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชน
๖. กลุ่มนิเทศติดตาม
และประเมินผลการศึกษา
นอกจากนี้ยังมีส่วนราชการที่กำหนดให้มีในหน่วยงาน คือ ๗. หน่วยตรวจสอบภายใน
โครงสร้างสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน(โรงเรียน)
สถานศึกษามีการแบ่งโครงสร้างภายในตามกฎกระทรวง และเป็นไปตามระเบียบที่ คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษากำหนด ซึ่งสถานศึกษาจะต้องแบ่งส่วนราชการเป็นกลุ่ม ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับการกระจายอำนาจทางการศึกษา คือครอบคลุมใน ๔ งานคือ งานวิชาการ งานงบประมาณ
งานบริหารงานบุคคล และงานบริหารทั่วไป
ขอบข่ายและภารกิจของสถานศึกษา
สถานศึกษามีผู้อำนวยการสถานศึกษาเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบการบริหารงานของสถานศึกษาที่มีโครงสร้างการบริหารงานตามกฎหมายที่มีขอบข่ายภารกิจที่กำหนด ซึ่งการแบ่งส่วนราชการภายในสถานศึกษาเป็นไปตามกฎกระทรวงและระเบียบที่
คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษากำหนด
๑.งานบริหารวิชาการ
๑.๑ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
๑.๒ การพัฒนากระบวนการเรียนรู้
๑.๓ การวัดผล ประเมินผล
และเทียบโอนผลการเรียน
๑.๔ การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
๑.๕ การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา
๑.๖ การพัฒนาแหล่งเรียนรู้
๑.๗ การนิเทศการศึกษา
๑.๘ การแนะแนวการศึกษา
๑.๙ การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
๑.๑๐ การส่งเสริมความรู้ด้านวิชาการแก่ชุมชน
๑.๑๑ การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอื่น
๑.๑๒ การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน
และสถาบันอื่นที่จัดการศึกษา
๒. งานบริหารงบประมาณ
๒.๑ การจัดทำและเสนอของบประมาณ
๒.๒ การจัดสรรงบประมาณ
๒.๓ การตรวจสอบ
ติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการใช้เงินและผลการดำเนินงาน
๒.๔ การระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา
๒.๕ การบริหารการเงิน
๒.๖ การบริหารบัญชี
๒.๗ การบริหารพัสดุและสินทรัพย์
๓. งานบริหารงานบุคคล
๓.๑ การวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่ง
๓.๒ การสรรหาและการบรรจุแต่งตั้ง
๓.๓ การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
๓.๔ วินัยและการรักษาวินัย
๓.๕ การออกจากราชการ
๔. งานบริหารทั่วไป
๔.๑ การดำเนินงานธุรการ
๔.๒ งานเลขานุการคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
๔.๓ งานพัฒนาระบบและเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศ
๔.๔ การประสานและพัฒนาเครือข่ายการศึกษา
๔.๕ การจัดระบบการบริหารและพัฒนาองค์กร
๔.๖ งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
๔.๗ การส่งเสริม
สนับสนุนด้านวิชาการ งบประมาณ บุคลากร และบริหารทั่วไป
๔.๘ การจัดสถานที่และสภาพแวดล้อม
๔.๙ การจัดทำสำมะโนผู้เรียน
๔.๑๐ การรับนักเรียน
๔.๑๑ การส่งเสริมและประสานงานการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
๔.๑๒ การระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา
๔.๑๓ งานส่งเสริมงานกิจการนักเรียน
๔.๑๔ การประชาสัมพันธ์งานการศึกษา
๔.๑๕ การส่งเสริม
สนับสนุน และประสานงานการศึกษาของบุคคล ชุมชน องค์กร
หน่วยงาน และสถาบันสังคมอื่นที่จัดการศึกษา
๔.๑๖ งานประสานราชการกับเขตพื้นที่การศึกษาและหน่วยงานอื่น
๔.๑๗ การจัดระบบการควบคุมภายในหน่วยงาน
๔.๑๘ งานบริการสาธารณะ
๔.๑๙ งานที่
ไม่ ได้ระบุไว้ในงานอื่น
งานวิชาการ
งานวิชาการถือเป็นงานที่มีความสำคัญที่สุด เป็นหัวใจของการจัดการศึกษา ประกอบด้วยงานหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนเป็นหลัก
ซึ่งโรงเรียนจะต้องสร้างหลักสูตรของตนเอง เรียกว่า หลักสูตรสถานศึกษา
ครูจะต้องปฏิบัติจะประกอบด้วยภารกิจหลัก ดังนี้
๑. การสร้างและการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดทำสาระท้องถิ่น
๑.๑ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
๑.๑.๑ ศึกษาวิเคราะห์เอกสารหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ. ๒๕๕๑ และหลักสูตร
การศึกษาปฐมวัย และกรอบสาระการเรียนรู้ที่พัฒนาโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
๑.๑.๒ ศึกษาศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นและภูมิภาค ตลอดจนข้อมูลสารสนเทศ เกี่ยวกับสภาพปัญหาและความต้องการของสังคม ชุมชน และท้องถิ่น
๑.๑.๓ วิเคราะห์สภาพแวดล้อมและประเมินสถานภาพสถานศึกษาเพื่อร่วมกำหนด
วิสัยทัศน์ ภารกิจเป้าหมาย คุณลักษณะที่ พึงประสงค์ โดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่
าย รวมทั้ง คณะกรรมการสถานศึกษา
๑.๑.๔ ศึกษามาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้นของกลุ่มสาระหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.๒๕๕๑ หรือมาตรฐานการเรียนรู้ของกลุ่มสาระตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
๑.๑.๕ จัดทำหลักสูตรสถานศึกษาที่
สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการและกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่ นของสำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษา ปฏิบัติงานตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
๑.๑.๖ ขอความเห็นชอบใช้หลักสูตรสถานศึกษาจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
๑.๑.๗
การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตามแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้หลักสูตร
สถานศึกษาขั้นพื้นฐานพ.ศ. ๒๕๕๑
✿ การจัดสาระการเรียนรู้
✿ การกำหนดค่าน้ำหนักและเวลาเรียนช่วงชั้นที่ ๑-๓
✿ การกำหนดรหัสวิชา
✿ การกำหนดระดับผลการเรียน
๑.๑.๘ การบูรณาการภายในและระหว่างสาระการเรียนรู้/การบูรณาการเฉพาะเรื่อง
ตามลักษณะสาระการเรียนรู้/การบูรณาการที่สอดคล้องกับวิถีของผู้เรียน
๑.๑.๙ ประเมินผลการใช้หลักสูตรและปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
๑.๒ การจัดทำสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น
สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายถึง รายละเอียดของข้อมูลสารสนเทศ รวมทั้งเนื้อหา
องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นในด้านต่างๆ เช่น สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ทรัพยากรและ สิ่งแวดล้อม ประวัติความเป็นมา สภาพเศรษฐกิจ สังคม การดำรงชีวิต การประกอบอาชีพอิสระ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญา ตลอดจนสภาพปัญหาและสิ่งที่ควรได้รับการถ่ายทอดพัฒนา ในชุมชนและสังคมนั้นๆ ที่สถานศึกษากำหนด การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งมีแนวทางในการจัดทำสาระท้องถิ่น ดังนี้
๑. ศึกษากรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำหนดไว้
๒. วิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษา เพื่อทราบจุดเน้นหรือประเด็นปัญหาสำคัญที่
โรงเรียน
ให้ความสำคัญหรือกำหนดเป็นแนวทางในการพัฒนานักเรียน
๓. ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียนและนักเรียน
เพื่อนำมาเป็นข้อมูล
ในการจัดทำสาระท้องถิ่น
๔. ดำเนินการจัดทำสาระท้องถิ่นในลักษณะ
✿ จัดทำเป็นรายวิชาเพิ่มเติม
✿ ปรับกิจกรรมการเรียนการสอน หรือจัดกิจกรรมเสริม
หรือ บูรณาการ
๒.การพัฒนากระบวนการเรียนรู้
๒.๑ จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้แบบมีส่
วนร่วมตามสาระและหน่วยการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดย
✿ วิเคราะห์หลักสูตรและเนื้อหาสาระ
✿ มาตรฐานการเรียนรู้
✿ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
✿ ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและจัดเตรียมสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน
๒.๒ จัดกระบวนการเรียนรู้ให้ยืดหยุ่นตามความเหมาะสม โดยจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรม
ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน ตลอดจนผู้ที่
มีความสามารถพิเศษและผู้ที่ มีความบกพร่องหรือด้อยโอกาส โดยฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ
การเผชิญสถานการณ์ การประยุกต์ใช้ความรู้ เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้จากประสบการณ์จริง และการปฏิบัติจริง สร้างสถานการณ์ตัวอย่าง
๒.๓ ส่
งเสริมให้ผู้เรียนรักการอ่านและใฝ่ รู้อย่างต่ อเนื่อง การผสมผสานความรู้ต่างๆให้สมดุลกัน
๒.๔ ปลูกฝังผู้เรียนให้มีคุณธรรม
จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์
สอดคล้องกับเนื้อหาสาระกิจกรรม
๒.๕ จัดบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมแหล่งเรียนรู้ให้เอื้อต่อการเรียนรู้
๒.๖ นำภูมิปัญญาท้องถิ่นและประสานความร่วมมือเครือข่ายผู้ปกครอง
ชุมชน ท้องถิ่นเข้ามา
มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ
๒.๗ จัดให้มีการนิเทศการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ
โดยเป็นการนิเทศที่ร่วมมือช่วยเหลือกันแบบกัลยาณมิตร นิเทศแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ร่วมกันของบุคลากรภายในสถานศึกษา
๒.๘ ส่งเสริมให้ใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้
(การวิจัยในชั้นเรียน)
๒.๙ ส่งเสริมให้ครูได้รับการพัฒนา วิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างหลากหลาย
และต่อเนื่อง เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ตามความเหมาะสม
๒.๑๐ จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ได้แก่
๒.๑๐.๑ จัดกิจกรรมแนะแนว โดย
✿ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
✿ จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ แบบบันทึก และจัดทำสื่อ
✿ ให้คำปรึกษาการแก้ไขข้อบกพร่องและพัฒนาตนเอง
✿ ให้คำปรึกษาการศึกษาต่อและแนะนำอาชีพ
๒.๑๐.๒ จัดกิจกรรมนักเรียน โดย
✿ สนับสนุนเกื้อกูลตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ เช่น โครงงาน
✿ ส่งเสริมความถนัด ความสนใจ ความสามารถ ความต้องการของผู้เรียน เช่น ชมรมทางวิชาการ
✿ ส่งเสริมการทำประโยชน์ต่อสังคม เช่น กิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาด
✿ ส่งเสริมการฝึกทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม
✿ จัดกิจกรรมการเรียนรู้และจัดหาวัสดุอุปกรณ์
✿ จัดทำแผนการจัดกิจกรรม แบบบันทึก รายงานผล
การออกแบบการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
การออกแบบการเรียนรู้อิงมาตรฐาน เป็นขั้นตอนที่ สำคัญที่ สุดในการจัดทำหลักสูตร
สถานศึกษา
เพราะเป็นส่วนที่นำมาตรฐานการเรียนรู้ไปสู่การปฏิบัติในการเรียนการสอนอย่างมี คุณภาพได้มาตรฐานอย่างแท้จริง ผู้เรียนจะบรรลุมาตรฐานหรือไม่ อย่างไร ก็อยู่ที่ขั้นตอนนี้ ดังนั้น การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน อย่ างแท้จริงทุกองค์ประกอบของหน่
วยการเรียนรู้ ต้องเชื่อมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดชั้นปี โดยครูต้องเข้าใจและสามารถวิเคราะห์ได้ว่า สิ่งที่ต้องการให้นักเรียนรู้และปฏิบัติได้ในมาตรฐานและตัวชี้วัดชั้นปีนั้นคืออะไร
องค์ประกอบที่สำคัญของหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
มี ๖
องค์ประกอบ ดังนี้
๑. ชื่อหน่วยการเรียนรู้
๒. มาตรฐานการเรียนรู้
๓. สาระสำคัญของหน่วยการเรียนรู้
๔. ชิ้นงานหรือภาระงานที่ ให้นักเรียนปฏิบัติ
๕. กิจกรรมการเรียนการสอน
๖. การวัดและประเมินผล
กระบวนการจัดทำหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
การออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานใช้หลักการของ Backward Design คือ เริ่มจากการกำหนดมาตรฐานเป็นเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้
จากนั้นจึงกำหนดว่า ร่องรอย หลักฐานอะไรที่
ให้นักเรียนปฏิบัติแล้วสามารถสะท้อนความสามารถของผู้เรียนตามที่ ระบุไว้ในมาตรฐานนั้น
แล้วจึงวางแผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับสิ่งที่กำหนดให้นักเรียนปฏิบัติ การออกแบบถอยหลังกลับหรือ Backward
Design ที่นำมาใช้ในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้
อิงมาตรฐาน เป็นกระบวนการออกแบบที่ยึดเป้าหมายสุดท้ายของการเรียน
คือมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นหลัก กระบวนการออกแบบวางแผนของครูผู้สอนต้องเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน
๓ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ ๑ มาตรฐานการเรียนรู้ต้องการให้นักเรียนรู้อะไร และสามารถทำอะไรได้
ขั้นตอนที่ ๒ อะไรคือร่องรอยหลักฐานที่แสดงว่านักเรียนรู้และสามารถทำได้ตามที่มาตรฐาน
กำหนด
ขั้นตอนที่ ๓ จัดกิจกรรมอย่างไรจึงจะสนับสนุนให้นักเรียนมีความรู้ที่ฝังแน่นตามที่มาตรฐาน
กำหนดไว้
กระบวนการจัดทำหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานมีความยืดหยุ่นสามารถเริ่มจาก การกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดชั้นปี และวิเคราะห์คำสำคัญในตัวชี้วัดชั้นปี เพื่อกำหนด สาระหลักและกิจกรรมต่อไปหรืออาจเริ่มจากประเด็นปัญหาสำคัญในท้องถิ่นหรือสิ่งที่นักเรียนสนใจ แล้วจึงพิจารณาว่าประเด็นปัญหาดังกล่าวเชื่อมโยงกับมาตรฐานและตัวชี้วัดชั้นปีข้อใดดังแนวทางต่อไปนี้
รูปแบบที่ ๑
แนวทางการจัดทำหน่วยการเรียนรู้เริ่มจากการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
*ชั้นปี
*ระบุมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดชั้นปี
*กำหนดสาระ
*กำหนดชิ้นงาน/ภาระงานที่นักเรียนปฏิบัติ
*กำหนดเกณฑ์การประเมิน
*วางแผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้
*กำหนดชื่อหน่วยการเรียนรู้
*กำหนดเวลาเรียน
รูปแบบที่
๒
แนวทางการจัดหน่วยการเรียนรู้เริ่มจากการกำหนดปัญหาสำคัญในท้องถิ่นหรือ สิ่งที่นักเรียนสนใจ
*กำหนดประเด็นปัญหา/สิ่งที่นักเรียนสนใจ
*กำหนดสาระสำคัญ
*ระบุมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดชั้นปี
*กำหนดชิ้นงาน/ภาระงานที่นักเรียนปฏิบัติ
*กำหนดเกณฑ์การประเมิน
*วางแผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้
*กำหนดชื่อหน่วยการเรียนรู้
*กำหนดเวลาเรียน
สิ่งสำคัญของการจัดทำหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
มีดังนี้
๑.การจัดการเรียนรู้ในแต่
ละหน่ วยการเรียนรู้ ต้อง นำพาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานและ
ตัวชี้วัด ชั้นปีที่ระบุไว้ในหน่วยการเรียนรู้นั้นๆ
๒.การวัดและประเมินผลชิ้นงานหรือภาระงานที่
กำหนดในหน่วยการเรียนรู้ควรเป็นการประเมินการปฏิบัติ
หรือการแสดงความสามารถผู้เรียน (PerformanceAssessment)
๓.ชิ้นงานหรือภาระงานที่
กำหนดให้นักเรียนปฏิบัติ ควรเชื่ อมโยงมาตรฐานและตัวชี้วัด๒-๓ มาตรฐานตัวชี้วัด
๔.มีความยืดหยุ่นในกระบวนการและขั้นตอนการจัดทำหน่วยการเรียนรู้
เช่น อาจเริ่มต้นจากการวิเคราะห์
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดชั้นปี หรืออาจเริ่มจากความสนใจของนักเรียน หรือสภาพปัญหาของชุมชนก็ได้
กระบวนการออกแบบหน่วยการเรียนรู้
ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ ละครั้ง ครูต้องกำหนดเกณฑ์การประเมินผล ซึ่งควรให้
นักเรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดด้วย และควรแจ้งให้นักเรียนทราบล่วงหน้าถึงวิธีการและเกณฑ์
ในการประเมิน การประเมินผลควรมีลักษณะ ดังนี้
✿ มีเกณฑ์การประเมินที่เชื่อมโยงกับตัวชี้วัดชั้นปีที่กำหนดในหน่วยการเรียนรู้
✿ อธิบายลักษณะชิ้นงานหรือภาระงานที่คาดหวังได้อย่างชัดเจน
✿ รวมอยู่ ในกระบวนการเรียนการสอน และกิจกรรมการเรียนการสอนมีคำอธิบาย
คุณภาพงานที่ชัดเจนและบ่งบอกคุณภาพงานในแต่ละระดับ
✿ ใช้ผลการประเมินในการปรับปรุงการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับนักเรียนแต่ละคน
แต่ละกลุ่ม หรือทั้งชั้น
✿ แจ้งผลการประเมินเกี่ยวกับการเรียนรู้และพัฒนาการของนักเรียน เพื่อเทียบเคียงไปสู่
มาตรฐาน ให้นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนทราบเป็นระยะ
✿ นำผลการประเมินเป็นข้อมูลประกอบในการปรับปรุงหลักสูตร
✿ การประเมินผลงานที่ ได้รับให้นักเรียนปฏิบัติ และกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน
ทุกกิจกรรม ครูจะต้องกำหนดแนวการให้คะแนน เพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมีความรู้อะไร และ
ทำอะไรได้บ้าง ตามที่มาตรฐานการเรียนรู้กำหนดไว้แต่ละหน่วยการเรียนรู้
๓.การวัดผล
ประเมินผล และงานทะเบียน เทียบโอนผลการเรียน
๓.๑
การกำหนดระเบียบวัดและประเมินผล
๓.๑.๑
ร่วมเป็นคณะกรรมการจัดทำระเบียบวัดและประเมินผล โดยการมีส่วนร่วม
ของทุกฝ่าย
๓.๑.๒ พิจารณายกร่างระเบียบประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๓.๑.๓ ประชาพิจารณ์โดยผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
๓.๑.๔ เสนอคณะกรรมการสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ
๓.๑.๕ ประกาศใช้ระเบียบ
๓.๑.๖ ปรับปรุง พัฒนา แก้ไขให้เหมาะสมสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
๓.๒ ภารกิจการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
๓.๒.๑ การประเมินผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้
๘ กลุ่มสาระ
๓.๒.๑.๑ ครูผู้สอนเป็นผู้ประเมินและตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา โดยประเมิน
ตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง (มาตรฐานชั้นปี)
๓.๒.๑.๒ ดำเนินการประเมินผลก่อนเรียนเพื่อตรวจสอบ ปรับปรุงพื้นฐาน ของผู้เรียน
๓.๒.๑.๓ ประเมินผลระหว่างเรียน หลังการเรียน และปลายปี เพื่อนำผลไปตัดสิน การผ่านผลการเรียนรู้ที่คาดหวังและตัดสินผลการเรียนรายวิชา
๓.๒.๑.๔ เลือกวิธีการประเมิน เครื่ องมือการประเมินอย่
างหลากหลาย เน้น การประเมินสภาพจริง
ครอบคลุมสาระและเหมาะสมกับธรรมชาติของผู้เรียน
๓.๒.๑.๕ ซ่อมเสริม ปรับปรุงแก้ ไขผลการเรียนของผู้เรียนที่
ไม่ ผ่านเกณฑ์ การประเมินและส่งเสริมผู้เรียนที่ ผ่านเกณฑ์การประเมินให้พัฒนาการประเมินให้พัฒนาสูงสุด เต็มความสามารถ
๓.๒.๑.๖ การตัดสินการผ่านรายวิชาตามเกณฑ์การผ่านผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
(มาตรฐานชั้นปี) ที่ กำหนด และประเมินให้ระดับผลการเรียนจากคะแนนการประเมินการผ่าน ผลการเรียนที่คาดหวังทุกข้อร่วมกัน
๓.๒.๑.๗ จัดการเรียนซ่ อมเสริม และเรียนซ้ำรายวิชาที่
ไม่ ผ่านการตัดสิน ผลการเรียน และให้ประชุมพิจารณาให้ผู้เรียนที่
มีผลการเรียนทุกรายวิชามีระดับการเรียนเฉลี่ ย ไม่ถึง“๑”ให้เรียนซ้ำชั้น
๓.๒.๑.๘ ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้อนุมัติผลการประเมินและตัดสินผลการเรียน
๓.๒.๒
การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
๓.๒.๒.๑ ครูผู้ควบคุมกิจกรรมเป็นผู้ประเมินและตัดสินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นรายกิจกรรม
๓.๒.๒.๒
ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนใน ๒ ด้าน คือ การผ่านจุดประสงค์ ของกิจกรรมและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมโดยพิจารณาจากจำนวนเวลาเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม
๓.๒.๒.๓ ตัดสินผลการปฏิบัติกิจกรรมเป็น ๒ ระดับ
คือ ผ่านและไม่ผ่าน โดย ผู้ได้รับการตัดสินให้ผ่านจะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง
๒ ด้าน
๓.๒.๒.๔ ประเมินและตัดสินกิจกรรมการผ่านช่วงชั้นตามเกณฑ์ที่
สถานศึกษากำหนด (ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้อนุมัติผลการประเมินและตัดสินการปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน)
๓.๒.๓ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
๓.๒.๓.๑ ร่วมเป็นคณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ของสถานศึกษาจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
๓.๒.๓.๒ กำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา
๓.๒.๓.๓ กำหนดแนวการดำเนินการเป็นรายคุณธรรมโดยประเมินทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
๓.๒.๓.๔ ดำเนินการประเมินและสรุปผลเป็นรายปี
๓.๒.๓.๕ การประเมินให้ผู้เรียนทราบและปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง
๓.๒.๓.๖ ประเมินผ่านช่วงชั้นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด
๓.๒.๔ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
๓.๒.๔.๑ ร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการกำหนดมาตรฐาน เกณฑ์แนวทางการประเมินและการซ่อมเสริมผู้เรียนที่
ไม่ผ่านการประเมินผลช่วงชั้น
๓.๒.๔.๒ ประกาศแนวทางและวิธีการประเมิน
๓.๒.๔.๓ แต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน
๓.๒.๔.๔ ดำเนินการประเมินปลายปีและประเมินผ่านช่วงชั้น
๓.๒.๔.๕ ผู้บริหารอนุมัติผลการประเมิน
๓.๒.๕ การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติ
๓.๒.๕.๑ เตรียมตัวผู้เรียนให้มีความพร้อมที่จะรับการประเมิน
๓.๒.๕.๒ เตรียมตัวบุคลากร สถานที่ และอำนวยความสะดวกในการรับการประเมิน
๓.๒.๕.๓ สร้างความตระหนัก ความเข้าใจ และความสำคัญแก่ครูและผู้เรียน
๓.๒.๕.๔ นำผลการประเมินมาพัฒนา ปรับปรุงคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
๓.๓
การพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผล
๓.๓.๑
เข้ารับการอบรมพัฒนาการจัดสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล เพื่อให้ครูได้มี ความรู้ความเข้าใจ
๓.๓.๒ จัดสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลให้สอดคล้องกับผลการเรียนที่
คาดหวัง(มาตรฐานชั้นปี)สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้
และสภาพผู้เรียน
๓.๓.๓ นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการสร้างเครื่องมือ
และใช้เป็นเครื่องมือวัดผล และประเมินผล
๓.๓.๔
พัฒนา ปรับปรุงให้มีคุณภาพและมาตรฐาน
๓.๔ งานทะเบียน
๓.๔.๑ ดำเนินการลงทะเบียน
กรอกข้อมูลประวัติของนักเรียนในทะเบียนตามระเบียบ
๓.๔.๒ ออกเลขประจำตัวให้กับนักเรียนใหม่ทุกคน
๓.๔.๓ รับมอบตัวนักเรียนและดำเนินงานเรื่องการย้ายเข้าและย้ายออกของนักเรียนในช่วงระหว่างปีการศึกษา
๓.๔.๔
สำรวจรายชื่อนักเรียนทุกระดับชั้น และจัดทำรายชื่อให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
๓.๔.๕
การจัดทำรายงานข้อมูลสถิติเกี่ยวกับจำนวนนักเรียน
๓.๔.๖
ประสานงานกับกลุ่มที่ดูแลนักเรียนเพื่อแจ้งการเปลี่ยนแปลงรายชื่อ/จำนวนนักเรียน
๓.๔.๗
ดำเนินการด้านการย้าย ลาออก การเปลี่ยนแปลงทะเบียนนักเรียน
๓.๔.๘ งานเกี่ยวกับการจัดทำ
ขออนุมัติ และรายงานผลการเรียนของนักเรียน
๓.๔.๙
งานเกี่ยวข้องกับการจัดทำ และบริการเอกสาร หลักฐานทางการเรียนของนักเรียน เช่น รบ.ต่างๆ
หลักฐานผลการเรียน ประกาศนียบัตร รวมทั้งหนังสือรับรองผลการเรียน ทุกประเภท
๓.๔.๑๐ ตรวจสอบความผูกพันของนักเรียนต่อฝ่ายหมวดงานอื่น
ๆ ก่อนออกหลักฐานทางการเรียนให้
๓.๔.๑๑ งานเก็บรักษาและรวบรวมสถิติข้อมูลผลการเรียนของนักเรียน
รวมทั้งเผยแพร่ และรายงานผู้เกี่ยวข้องทราบ
๓.๔.๑๒ เก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับโปรแกรม DMC (เป็นระบบเก็บฐานข้อมูลนักเรียน เด็ก G คือเด็กที่ไม่มีเลขประจำตัวประชาชน
)
๓.๔.๑๓ งานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องหรือที่
ได้รับมอบหมาย
๓.๕
การเทียบโอนผลการเรียน
๓.๕.๑
ประสานการจัดการวัดผลประเมินผลระดับสถานศึกษา
✿แต่งตั้งคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน จัดทำมาตรฐานกรอบและเกณฑ์การประเมิน
เพื่อการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษา
✿จัดทำแผนการวัดผลและประเมินผล สร้างเครื่ องมือแบบฟอร์มต่ างๆ ในการดำเนินการเทียบโอน
✿จัดและดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐาน
✿ประกาศผลการเทียบโอนผลการเรียน
๓.๕.๒ เทียบโอนผลการเรียนจากการย้ายที่เรียนจากสถานประกอบการจากพื้นฐาน การประกอบอาชีพ
✿พิจารณาหลักฐานการศึกษาแสดงถึงความรู้ความสามารถของผู้เรียน
✿พิจารณาจากความรู้และประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติจริงโดยการทดสอบ
✿จัดทำทะเบียนขอเทียบโอน ระเบียนผลการเรียน และออกหลักฐานการเรียน/การเทียบโอน
๓.๖ การตัดสินและอนุมัติผลการเรียนผ่านช่วงชั้น
๓.๖.๑
นายทะเบียนของสถานศึกษาตรวจสอบข้อมูลผลการเรียนของผู้เรียนที่
มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์การจบช่วงชั้นของสถานศึกษา
๓.๖.๒
จัดทำบัญชีรายชื่อผู้เรียนที่ จบช่วงชั้นพร้อมตรวจทานความถูกต้องไม่ ให้มีข้อผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น
๓.๖.๓ เสนอคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ เพื่อให้เห็นชอบ
๓.๖.๔ ผู้บริหารสถานศึกษาออกคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดทำเอกสารรายงานผู้สำเร็จการศึกษา(ปพ.๓) ประกอบด้วย ผู้เขียน
ผู้ทาน ผู้ตรวจ และมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า
๓.๖.๕ ผู้บริหารอนุมัติผลการเรียน
โดยลงนามในเอกสารรายงานผู้สำเร็จการศึกษา
๓.๖.๖ จัดส่งเอกสารให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
๓.๘
การออกหลักฐานแสดงผลการจบการศึกษา
๓.๘.๑
การจัดทำเอกสารประเมินผลตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
✿ ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑)
✿ หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ปพ.๒)
✿ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.๓)
✿ แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ปพ.๔)
✿ เอกสารบันทึกผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน (ปพ.๕)
✿ เอกสารรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล (ปพ.๖)
✿ ใบรับรองผลการศึกษา (ปพ.๗)
✿ เอกสารระเบียนสะสม (ปพ.๘)
✿ สมุดบันทึกผลการเรียนรู้ (ปพ.๙)
ก. เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคุมและบังคับแบบ
เป็นเอกสารสำคัญทางการศึกษาที่สถานศึกษาจัดทำขึ้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการให้การ
รับรองผลการเรียนและวุฒิการศึกษาของผู้เรียน สถานศึกษาจึงต้องดำเนินการจัดทำโดยใช้แบบพิมพ์
วิธีการจัดทำ การควบคุม การตรวจสอบรับรองเอกสารเป็นไปอย่างมีเอกภาพ
และมีมาตรฐานในการดำเนินการอย่างเดียวกัน
เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคุมและบังคับ มีดังนี้
๑) ระเบียนแสดงผลการเรียน (Transcript) (ปพ.๑) เป็นเอกสารบันทึกผลการเรียน
ของผู้เรียนตามสาระการเรียนรู้กลุ่มวิชาและกิจกรรมต่างๆที่
ได้เรียนในแต่ละช่วงชั้นของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงสถานภาพและความสำเร็จในการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคน
และใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครเข้าทำงาน หรือดำเนินการในเรื่องอื่น ที่เกี่ยวข้อง ข้อกำหนดของเอกสารมีดังนี้
๑.๑)สถานศึกษาจะต้องจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียนของผู้เรียนโดยใช้แบบพิมพ์
ที่กระทรวงศึกษาธิการ
กำหนดเท่านั้น ซึ่งจัดซื้อได้จากหน่วยงานที่กระทรวงศึกษาธิการมอบหมายให้ จัดพิมพ์จำหน่าย เพื่อให้ใช้เป็นแบบเดียวกัน และเกิดความสะดวกในการตรวจสอบข้อมูลและส่งต่อ เอกสารระหว่างสถานศึกษาและหน่วยงานต่างๆ
๑.๒)
สถานศึกษาจะต้องจัดทำต้นฉบับระเบียนแสดงผลการเรียนของผู้เรียนทุกคน เก็บรักษาไว้ตลอดไป และระมัดระวังดูแลรักษาไม่ ให้ชำรุดเสียหาย หรือมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลได้เป็นอัน
๑.๓) เมื่อผู้เรียนสำเร็จการศึกษาแต่ละช่วงสถานศึกษา
ต้องจัดทำระเบียนแสดงผล การเรียนให้แก่ผู้เรียนทุกคน
โดยดำเนินการจัดทำตามที่คำสั่งกำหนด
๑.๔)
กรณีผู้เรียนย้ายสถานศึกษาสถานศึกษาจะต้องจัดทำทะเบียนแสดงผลการเรียน ของนักเรียนในช่วงชั้นที่กำลังศึกษาอยู่กรอกข้อมูลที่เป็นปัจจุบันให้ถูกต้องสมบูรณ์ ให้ผู้เรียนนำไป เป็นหลักฐานการสมัครเข้าเรียนที่สถานศึกษาใหม่ ให้สถานศึกษาใหม่ที่รับผู้เรียนไว้จัดทำต้นฉบับ ระเบียนแสดงผลการเรียนของนักเรียน สำหรับผู้เรียนใหม่ โอนผลการเรียนและใช้เอกสารที่จัดทำให้ใหม่ บันทึกผลการเรียนของผู้เรียนต่อไป ส่วนต้นฉบับจากสถานศึกษาเดิมให้ถ่ายเอกสารเก็บไว้ เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบควบคู่กับเอกสารที่จัดทำขึ้นใหม่
๑.๕) กรณีผู้เรียนรับระเบียนแสดงผลการเรียนของนักเรียนของตนไปแล้ว เกิดการชำรุดสูญหาย ถ้าผู้เรียนต้องการเอกสารฉบับใหม่ ให้สถานศึกษาออกเอกสารฉบับใหม่แก่ผู้เรียน โดยคัดลอกจากต้นฉบับเอกสารที่เก็บรักษาไว้ โดยหัวหน้าสถานศึกษาและนายทะเบียน ที่ปฏิบัติหน้าที่ ในขณะนั้นเป็นผู้ลงนาม
๑.๖)
กรณีผู้เรียนต้องการระเบียนแสดงผลการเรียนเป็นภาษาอังกฤษให้ออกเอกสาร ตามข้อมูลเดิมของต้นฉบับเอกสารด้วยภาษาอังกฤษ
๑.๗)กรณีต้นฉบับเอกสารเกิดการสูญหายให้แจ้งยกเลิกการใช้เอกสาร
๒) หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ประกาศนียบัตร) (ปพ.๒) เป็นเอกสารที่สถานศึกษา ออกให้กับผู้สำเร็จการศึกษาภาคบังคับ
๙ ปี และผู้สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เพื่อแสดงศักดิ์ และสิทธิ์ของผู้สำเร็จการศึกษา และรับรองวุฒิการศึกษาของผู้เรียนให้ผู้เรียนนำไปใช้เป็นหลักฐานแสดงวุฒิการศึกษาของตน
ข้อกำหนดของเอกสาร มีดังนี้
๒.๑)
เป็นเอกสารแสดงวุฒิการศึกษาของผู้สำเร็จการศึกษาเป็นรายบุคคล
๒.๒)
เป็นเอกสารที่ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาโดยสมบูรณ์ ดังนี้
✿ผู้สำเร็จการศึกษาภาคบังคับ ๙ ปี (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๓)
๒.๓)
กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กำหนดรูปแบบเอกสาร ใบแทนเอกสาร และใบแปล เอกสาร
เพื่อให้สถานศึกษานำไปใช้ออกให้แก่ผู้เรียนที่จบการศึกษา โดยสถานศึกษาเป็นผู้ควบคุมการจัดทำการเก็บรักษาและการออกเอกสารทั้งการออกใบแทนเอง
๒.๔)
กรณีผู้เรียนรับเอกสารไปแล้วถ้าผู้เรียนมีความประสงค์ขอรับเอกสารนี้ใหม่
สถานศึกษาจะต้องออกเป็นใบแทนให้ โดยใบแทนจะมีลักษณะแตกต่างจากเอกสารจริงตามรูปแบบที่
กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
๒.๕)
สถานศึกษาจะต้องเก็บรักษาและควบคุมแบบพิมพ์ของเอกสารให้ปลอดภัย อย่าให้ชำรุดสูญหายหรือมีผู้นำไปใช้ในทางมิชอบเป็นอันขาด
๓) แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.๓)
เป็นแบบบันทึกรายงานรายชื่อและข้อมูล ของผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองความสำเร็จ
และวุฒิการศึกษาของผู้สำเร็จการศึกษาแต่ละคนต่อเขตพื้นที่การศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการ ข้อกำหนดของเอกสาร มีดังนี้
๓.๑)
เอกสา ร สำ หรับบันทึกรายงานรายชื่อและ ข้อมูลผู้สำเร็จหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานแต่ละช่วงชั้น
๓.๒)
ให้สถานศึกษาใช้แบบพิมพ์เอกสารตามรูปแบบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
๓.๓)
ให้สถานศึกษาจัดทำเอกสารนี้สำหรับช่วงชั้นที่ ๑ และช่วงชั้นที่
๒ จำนวน ๑ ชุด เก็บรักษาไว้ที่สถานศึกษา
สำหรับช่วงชั้นที่ ๓ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๓ ให้สถานศึกษาจัดทำ เอกสารนี้ จำนวน ๓ ชุด เก็บรักษาไว้ที่สถานศึกษา ๑ ชุด ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ๑ ชุด และกระทรวงศึกษาธิการ อีก ๑ ชุดที่เก็บรักษาที่กระทรวงศึกษาธิการถือเป็นเอกสารต้นฉบับ
๓.๔)
สถานศึกษาและหน่วยงานที่ เก็บรักษาเอกสารนี้จะต้องดูแลรักษาเอกสารนี้ อย่าให้ชำรุดสูญหาย หรือข้อมูลถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นอันขาด และต้องเก็บรักษาไว้ในสถานที่มีความปลอดภัยไว้ตลอดไปเพื่อความสะดวกในการ
๓.๕)
สถานศึกษาจะต้องจัดทำส่งเอกสารที่ จัดทำเรียบร้อยแล้วไปให้หน่วยงาน ที่กำหนดภายในเวลา ๓๐
วันหลังจากผู้เรียนได้รับการอนุมัติให้สำเร็จการศึกษา
ข.
เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษาดำเนินการเอง
เป็นเอกสารหลักฐานทางการศึกษาที่สถานศึกษาจัดทำขึ้น เพื่อใช้สำหรับบันทึกตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมูลผลการดำเนินการพัฒนาผู้เรียนตามภารกิจ มีดังนี้
๑) แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ปพ.๔)
เป็นเอกสารรายงานพัฒนาการด้านคุณลักษณะของผู้เรียนเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์อื่นที่สถานศึกษากำหนดขึ้น
เพื่อพัฒนาผู้เรียนเป็นพิเศษ เพื่อการแก้ปัญหาหรือสร้างเอกลักษณ์ให้ผู้เรียนตามวิสัยทัศน์ของโรงเรียน
ต้องจัดทำเอกสารนี้ให้ผู้เรียนทุกๆ คน ควบคู่กับระเบียน
แสดงผลการเรียนเพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณลักษณะของผู้เรียน เพื่อประกอบในการสมัคร
เข้าศึกษาต่อหรือสมัครทำงาน ข้อกำหนดของเอกสารมีดังนี้
๑.๑) เป็นเอกสารแสดงพัฒนาการ หรือสภาพของคุณลักษณะอันพึงประสงค์แต่
ละประการของผู้เรียนในแต่ละช่วงชั้น
๑.๒) ข้อมูลที่จะบันทึกในเอกสารสถานศึกษาสามารถกำหนดตามความเหมาะสม ดังนี้
✿ เลขที่เอกสาร
✿ ชื่อสถานศึกษา
✿ ช่วงชั้นที่เรียน
✿ ชื่อ-สกุลและข้อมูลส่วนตัวของผู้เรียน
✿ รายการคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์อื่นๆ
✿ ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์แต่ละประการ
✿ รูปถ่ายของผู้เรียน
✿ ลายมือชื่อของผู้จัดทำเอกสาร
✿ ลายมือชื่อของหัวหน้าสถานศึกษาและประทับตราสถานศึกษา
✿ วัน เดือน ปีที่ออกเอกสาร
๑.๓) สถานศึกษาเป็นผู้ออกแบบและจัดทำเอกสารให้มีความสวยงามและคงทนถาวร สามารถเก็บรักษาไว้ได้ตลอดไป
๑.๔) สถานศึกษาจะต้องออกเอกสารนี้ให้กับผู้สำเร็จการศึกษาแต่ละช่วงชั้นให้สอดคล้อง กับเกณฑ์การผ่านช่วงชั้นต่างๆ และต้องจัดทำสำเนาเอกสารที่ออกให้กับผู้สำเร็จการศึกษาเก็บรักษา ตลอดไปด้วย
๑.๕) กรณีผู้เรียนรับเอกสารนี้ไปแล้วถ้ามีความประสงค์จะรับเอกสารนี้ใหม่สถานศึกษา จะต้องออกเป็นใบแทนให้ โดยใบแทนจะมีลักษณะแตกต่างจากเอกสารจริงตามลักษณะที่สถานศึกษากำหนดและจะมีข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกสารจริงคือ
✿ อ้างเลขที่ของเอกสารจริงที่เคยออกให้ไปแล้ว
✿ สาเหตุของการออกเอกสารใบแทน
๑.๖) สถานศึกษาจะต้องเก็บรักษาต้นฉบับเอกสาร
และควบคุมแบบฟอร์มของเอกสาร ให้ปลอดภัยอย่าให้สูญหายมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูล
หรือมีผู้ใดนำไปใช้ในทางมิชอบเป็นอันขาด
✿ ให้ผู้เรียนเก็บรักษาเอกสารนี้ไว้เป็นหลักฐานจากการศึกษาเช่นเดียวกับระเบียน แสดงผลการเรียน (ปพ.๑) เพราะจะต้องนำไปแสดงเพื่อการสมัครเข้าศึกษาต่อหรือสมัครงาน ควบคู่กัน
๒) เอกสารบันทึกผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน (ปพ.๕)
เป็นเอกสารสำหรับผู้สอนใช้บันทึกเวลาเรียน ข้อมูลผลการวัดและประเมินผลการเรียน และข้อมูลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนแต่ละคนที่เรียนในห้องหรือกลุ่มเดียวกัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริม และตัดสินผลการเรียน ของผู้เรียน รวมทั้งใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบยืนยันสภาพการเรียน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ และผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนแต่ละคน ข้อกำหนดของเอกสาร มีดังนี้
๒.๑) ใช้บันทึกเวลาเรียน ข้อมูลการวัดและประเมินผลการเรียน และข้อมูลการพัฒนา อันพึงประสงค์ของผู้เรียนทั้งห้องหรือกลุ่มที่เรียนร่วมกัน โดยบันทึกเป็นรายบุคคล
๒.๒) ข้อมูลที่ จะบันทึกในเอกสารสถานศึกษา สามารถพิจารณากำหนดได้ตามความเหมาะสม
✿ ข้อมูลของสถานศึกษา
✿ ชื่อ-สกุลผู้สอนหรือที่ปรึกษา
✿ ชื่อ-สกุลและเลขประจำตัวประชาชนของผู้เรียนทุกคนที่
เรียนในห้องหรือ กลุ่มที่เรียนร่วมกัน
✿ กำหนดลักษณะการใช้เวลาในการเข้าเรียนหรือร่วมกิจกรรมการเรียน ผู้เรียน ในช่วงเวลาที่สถานศึกษากำหนดให้เป็นเวลาเรียนจำแนกเป็นเวลามา
มาสาย ป่วย ลา ขาด
✿ สรุปรวมเวลาเรียนของผู้เรียนแต่ละคน
✿ เวลาเรียนของแต่ละคนคิดเป็นร้อยละของเวลาเรียนเต็ม
✿ รายการผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปี (ของรายวิชาที่ ใช้เอกสาร)
✿ ระดับผลการเรียน
✿ เกณฑ์การประเมินให้ระดับผลการเรียน
✿ รายการคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา
✿ เกณฑ์หรือข้อบ่งชี้ในการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา
✿ ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา
✿ ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนของผู้เรียน
ลักษณะการบันทึกข้อมูล
(1)
การบันทึกเวลาเรียนตามลักษณะเวลาเรียนของแต่ละวิชา
โดยบันทึกเวลาเรียนของผู้เรียนทั้งห้องหรือ
กลุ่มตลอดการเรียนในแต่ละรายวิชา
(2)
การบันทึกข้อมูลการวัดและประเมินผลการเรียนให้บันทึกคะแนนและข้อมูลการวัด
และประเมินผลการ
เรียนเป็นรายวิชา โดยบันทึกข้อมูลของทุกคนในห้องหรือกลุ่มเดียวกันจากผู้ประเมินทุกฝ่ายไว้ในเอกสารเล่มเดียวกันให้เสร็จสมบูรณ์แต่ละรายวิชา
(3)
การบันทึกผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ให้บันทึกผลการประเมินผู้เรียน ทุกคนในห้องหรือ
กลุ่มเดียวกันจากผู้ประเมินทุกฝ่ายไว้ในเอกสารเล่มเดียวกัน โดยอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้บันทึกผลการประเมิน อาจบันทึกเป็นคะแนนที่
ได้จากเครื่องมือที่ ใช้ในการประเมินแต่ละประเภท หรือบันทึกเป็นเส้นพัฒนาการ หรือคำบรรยายคุณลักษณะอันพึงประสงค์แต่ละประการได้
(4)
การบันทึกผลการประเมินความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ให้บันทึกผลการประเมิน
ผู้เรียนกคนในห้อง หรือกลุ่มเดียวกันจากผู้ประเมินที่ สถานศึกษากำหนดไว้ในเอกสารเล่มเดียวกัน โดยอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้บันทึก
(5)
การออกแบบและจัดทำเอกสารสถานศึกษาเป็นผู้ออกแบบจัดทำเอกสาร โดยคำนึงถึง ความถูกต้อง
ครบถ้วน สมบูรณ์ของข้อมูล ความสะดวกชัดเจนในการบันทึกข้อมูลการนำเอกสารไปใช้ เป็นสำคัญ
(6)
กรณีผู้เรียนย้ายสถานศึกษาระหว่างปี
(สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๓, ๔-๖ และ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓)ให้สถานศึกษาจัดทำใบแจ้งจำนวนเวลาเรียน ข้อมูลผลการเรียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และผลการประเมินความสามารถการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนของผู้เรียนในปีหรือภาคเรียนที่กำลังเรียน โดยคัดลอกจากเอกสารนี้ให้ผู้เรียนนำไปให้ สถานศึกษาที่รับผู้เรียนเข้าศึกษาต่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับรวมกับข้อมูลที่จะเกิดขึ้นในสถานศึกษาใหม่ เป็นข้อมูลผลการพัฒนาของผู้เรียนต่อไป
(7)
แบบบันทึกผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
เมื่อใช้กรอกข้อมูลแล้ว สถานศึกษาควรเก็บ
ข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน
สำหรับตรวจสอบเป็นเวลาอย่างน้อย ๓ ปี
๓) เอกสารรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล
(ปพ.๖)
เป็นเอกสารสำหรับบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวกับผลการเรียน
พัฒนาการในด้านต่าง ๆ และ ข้อมูลอื่น ๆ ของผู้เรียน
ทั้งที่ สถานศึกษาและที่
บ้านเพื่อใช้สำหรับสื่อสารระหว่างสถานศึกษากับผู้ปกครองของผู้เรียนให้รับทราบและเกิดความเข้าใจในตัวผู้เรียนร่วมกัน
ข้อกำหนดของเอกสาร มีดังนี้
๓.๑) เป็นเอกสารสำหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนเป็นรายบุคคล
๓.๒) ข้อมูลที่บันทึกในเอกสารสถานศึกษาสามารถพิจารณากำหนดตามความเหมาะสม
✿ ข้อมูลส่วนตัวของผู้เรียนและเลขประจำตัวประชาชนของผู้เรียน
✿ เวลาเรียน
✿ การวัดผลและประเมินผลการเรียนและการตัดสินผลการเรียน
✿ ผลงานหรือความสำเร็จที่ น่าภาคภูมิใจ (เป็นการนำรายชื่อผลงานดีเด่นของผู้เรียน
ทั้งที่เกิดจากการเรียนโดยตรง
และเกิดจากการดำเนินงานส่วนตัวมาบันทึกไว้ปีละ ๑-๒ ชิ้นโดยผู้เรียนเป็นผู้กรอกแล้วให้ผู้ปกครองและสถานศึกษาร่วมกันรับรองและแสดงความคิดเห็นต่อผลงานแต่ละชิ้น)
✿ ความเห็นชอบของสถานศึกษาและผู้ปกครองที่มีต่อผู้เรียนเกี่ยวกับผลการเรียน
✿ รายการคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา
✿ ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์แต่ละประการ อาจรายงานผลการประเมินเป็นเส้นพัฒนาการหรือคำบรรยายสรุปสภาพของคุณลักษณะอันพึงประสงค์ก็ได้
✿ รายการกิจกรรมและผลการประเมินกิจกรรม
✿ ผลการประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
✿ รูปถ่ายของผู้เรียน
✿ ลายมือชื่อของผู้จัดทำเอกสาร
✿ ลายมือชื่อของหัวหน้าสถานศึกษาและประทับตราสถานศึกษา
✿ วัน เดือน ปีที่รายงานข้อมูล
✿ ข้อมูลที่สถานศึกษาเห็นสมควรนำมาบันทึกไว้
๓.๓) สถานศึกษาเป็นผู้ออกแบบจัดทำเอกสารนี้ใช้เองให้เหมาะสมกับสถานศึกษาของตน
๓.๔) สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลต่างๆให้เป็นปัจจุบันและส่งเอกสารนี้ให้ผู้ปกครอง
ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการบันทึกข้อมูลใหม่ๆ
ไม่ควรน้อยกว่าภาคเรียนละ ๒ ครั้ง
๓.๕) กรณีผู้เรียนย้ายสถานศึกษาให้ผู้เรียนนำเอกสารรายงานผลการพัฒนาผู้เรียนรายบุคคล ฉบับที่กำลังใช้อยู่ ไปให้สถานศึกษาแห่งใหม่ เพื่อใช้ดุลพินิจว่าจะใช้เอกสารฉบับเดิมต่อไป
๓.๖) ให้ผู้เรียนเก็บสะสมเอกสารนี้ไว้ให้ครบถ้วนตลอดเวลาการศึกษาตามหลักสูตร
การศึกษาขั้นพื้นฐานทั้ง ๑๒ ปี โดยเก็บรวมไว้กับระเบียนสะสม(ปพ.๘)
๔) ใบรับรองผลการศึกษา (ปพ.๗)
เป็นเอกสารที่สถานศึกษาออกให้ผู้เรียนเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อรับรองสถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียนเป็นการชั่วคราว ทั้งในกรณีผู้เรียนยังไม่สำเร็จการศึกษาและสำเร็จการศึกษาแล้วข้อกำหนดของเอกสาร มีดังนี้
๔.๑) เป็นเอกสารรับรองสถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียนเป็นการชั่วคราวสถานศึกษา ออกให้แก่ผู้เรียน
เพื่อนำไปใช้แทนระเบียนแสดงผลการเรียน แบบแสดงพัฒนาการคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ หรือหลักฐานแสดงวุฒิทางการศึกษาในการสมัครสอบสมัครงานหรือศึกษาต่อ
๔.๒) เป็นเอกสารที่สถานศึกษาออกให้กับผู้เรียนทุกระดับชั้น
๔.๓) ข้อมูลที่
จะบันทึกในเอกสารสถานศึกษา สามารถพิจารณากำหนดได้ตามความเหมาะสม
✿ ชื่อสถานศึกษาและสถานที่ตั้ง
✿ ชื่อ-สกุลผู้เรียน เลขประจำตัวนักเรียนและเลขประจำตัวประชาชน
✿ สถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียนที่สถานศึกษาให้การรับรอง
✿ วัน เดือน ปีที่ออกเอกสาร
✿ รูปถ่ายของผู้เรียน
✿ ลายมือชื่อผู้จัดทำเอกสาร
✿ ลายมือชื่อผู้บริหารสถานศึกษา
๔.๔) สถานศึกษาเป็นผู้ออกแบบจัดทำและควบคุมการออกเอกสารเอง
๔.๕) ใบรับรองผลการเรียนมีช่วงเวลารับรอง ๑๒๑ วัน
๕) เอกสารระเบียนสะสม (ปพ.๘)
เป็นเอกสารสำหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและผลงานด้านต่างๆ
ของผู้เรียน ทั้งที่ สถานศึกษาและที่ บ้านเพื่อประโยชน์ในการแนะแนวผู้เรียนในทุก ๆด้าน ข้อกำหนดของเอกสาร
มีดังนี้
๕.๑) รายการสำหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของผู้เรียนในด้านต่างๆเป็นรายบุคคล
๕.๒) สถานศึกษาเป็นผู้ออกแบบจัดทำเอกสารให้เหมาะสมกับสถานศึกษาของตนและ
ให้มีความคงทนสามารถเก็บรักษาและใช้ต่อเนื่องได้ตลอด ๑๒ ปี
๕.๓) เป็นเอกสารที่ผู้เรียนใช้ต่อเนื่องกันได้ตลอด
๑๒ ปี ทั้งกรณีศึกษาในสถานศึกษา เดียวกันหรือย้ายสถานศึกษาหรือเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา
๖) สมุดบันทึกผลการเรียนรู้ (ปพ.๙)
เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้น
เพื่อบันทึกรายการรายวิชาต่างๆ ที่ผู้เรียนจะต้องเรียนในแต่ละช่วงชั้น
ตามโครงสร้างหลักสูตรของสถานศึกษาพร้อมด้วยผลการประเมินผลการเรียนของแต่
ละรายวิชา เป็นเอกสารที่
สถานศึกษาออกให้ผู้เรียน สำหรับใช้ศึกษาและนำไปแสดงให้บุคคลหรือหน่วยงานที่สนใจได้ทราบโครงสร้างหลักสูตรและรายละเอียดของรายวิชาต่างๆของสถานศึกษา
พร้อมด้วยผลการเรียนของผู้เรียนจากการเรียนแต่ ละรายวิชา กรณีที่ ผู้เรียน ย้ายสถานศึกษา ข้อมูลในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้จะเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้เป็นข้อมูลในการ เทียบโอนผลการเรียน จากสถานศึกษาเดิมไปเป็นผลการเรียนตามหลักสูตรของสถานศึกษาใหม่
๖.๑) การจัดทำสมุดบันทึกผลการเรียนรู้
(ปพ.๙)
✿ สถานศึกษาต้องจัดทำสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ (ปพ.๙) โดยสถานศึกษาดำเนินการออกแบบและจัดทำแบบพิมพ์ของเอกสารเองควรออกแบบให้มีความสวยงาม
สะดวกในการใช้ และมีความคงทนถาวรไม่ฉีกขาดหรือชำรุดเสียหายง่าย
เพื่อให้ผู้เรียนเก็บรักษาไว้ตลอดไปสำหรับ เป็นหลักฐานแสดงโครงสร้างหลักสูตร รายละเอียดของรายวิชาต่าง ๆ
และผลการเรียนรู้ของผู้เรียนเองซึ่งผู้เรียนเองอาจจะต้องนำไปแสดงเป็นหลักฐานในการสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครงานหรือเพื่อการอื่นใดที่ผู้เรียนจะต้องแสดงรายละเอียดของผลการเรียนตามหลักสูตรที่
ได้ศึกษามาเนื่องจากหลักสูตรของแต่ละสถานศึกษาไม่เหมือนกัน
✿ ลักษณะของสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ (ปพ.๙) ควรออกแบบเป็นสมุดบรรจุรายวิชาทั้งหมดที่สถานศึกษาสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนเลือกเรียนในแต่ละช่วงชั้นและข้อมูลอื่น ๆดังนี้
*แต่ละรายวิชาควรบรรจุข้อมูล ดังนี้
✿ ชื่อรายวิชา
✿ รหัสของรายวิชา
✿ น้ำหนัก/เวลาเรียนของรายวิชา
✿ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
✿ มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้นที่เกี่ยวข้องกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
✿ คำอธิบายรายวิชา
✿ ผลการเรียนรู้ด้านคุณภาพและปริมาณ
✿ ลายมือชื่อผู้สอนหรืออาจารย์ที่ปรึกษา
*ข้อมูลผลการปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
*ข้อมูลผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน
*ข้อมูลประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
*ข้อมูลสรุปผลการเรียนตลอดช่วงชั้น
*ลายมือชื่อผู้บริหารสถานศึกษา
✿ สถานศึกษาสามารถออกแบบสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ (ปพ.๙)ให้เป็นส่วนหนึ่งของแบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล(ปพ.๖)ให้บันทึกและรายงานผลการเรียน ส่วนที่เป็นผลการเรียนรายวิชาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆและใช้เป็นเอกสารควบคู่กันเพื่อไม่
ให้ เกิดความซ้ำซ้อนในการบันทึกข้อมูลและการจัดทำเอกสารได้
✿ สถานศึกษาจัดทำสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ (ปพ.๙) ให้ผู้เรียนแต่ละคนเมื่อเริ่ม การศึกษาแต่ละช่วงชั้น โดยบันทึกผลการเรียนรายวิชาต่างๆ
ที่เรียนในแต่ละภาคหรือปีการศึกษา และบันทึกสะสมเรื่อยไปตลอดช่วงชั้น กรณีรับผู้เรียนใหม่ เข้าเรียนระหว่างช่วงชั้น ให้ผู้เรียนใหม่
นำสมุดบันทึก ผลการเรียนรู้ (ปพ.๙) จากสถานศึกษาเดิมไปใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน ตามระเบียบการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษา แล้วดำเนินการจัดทำสมุดบันทึกผลการเรียน รายวิชาฉบับของสถานศึกษาให้กับผู้เรียนใหม่
ให้ได้รายวิชาต่างๆ ตามหลักสูตรของสถานศึกษาตามที่เทียบโอนได้แล้วดำเนินการบันทึกผลการเรียนรู้ของผู้เรียนสะสมต่อไปตามปกติ
ส่วนสมุดบันทึก ผลการเรียนรู้ (ปพ.๙) ฉบับของสถานศึกษาเดิมให้คืนผู้เป็นเจ้าของนำไปเก็บรักษาไว้ต่อไปตามปกติ
✿ เมื่อสิ้นสุดภาคเรียนหรือสิ้นปีการศึกษา ให้สถานศึกษาส่งสมุดบันทึกผลการเรียนรู้(ปพ.๙)ที่บันทึกข้อมูลผลการเรียนรายวิชาต่างๆ ที่เรียนในภาคเรียนหรือปีนั้น ๆแล้วให้ผู้ปกครอง รับทราบ พร้อมกับแบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล(ปพ.๖)
✿ เมื่อผู้เรียนจบช่วงชั้น ให้สถานศึกษาสรุปผลการเรียนตามรายการในแบบฟอร์ม สรุปผลการเรียนตลอดช่วงชั้นแล้วมอบสมุดบันทึกผลการเรียนรู้(ปพ.๙)ให้ผู้เรียนนำไปเก็บรักษา แล้วใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงผลการเรียนของตนต่อไป
✿ กรณีผู้เรียนออกจากสถานศึกษาระหว่างช่วงชั้น ให้สถานศึกษากรอกข้อมูล ผลการเรียนทั้งหมดของผู้เรียนที่เรียนได้ รายวิชาที่อยู่ระหว่างกำลังศึกษาให้กรอกผลการเรียนเท่าที่มี ทั้งหมด รวมทั้งจัดทำสรุปผลการเรียนตามที่เป็นจริงด้วยให้ผู้เรียนนำสมุดนี้ไปมอบให้สถานศึกษา ที่เข้าศึกษาใหม่เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการขอเทียบโอนผลการเรียนต่อไป
✿เมื่อสิ้นสุดภาคเรียนหรือสิ้นปีการศึกษาให้สถานศึกษาส่งสมุดบันทึกผลการเรียนรู้
(ปพ.๙) ที่บันทึกผลการเรียนรายวิชาต่างๆ ที่เรียนในปีนั้นๆ
แล้วให้ผู้ปกครองรับทราบพร้อมกับแบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล(ปพ.๖)
✿ เมื่อผู้เรียนจบช่วงชั้นให้สถานศึกษาสรุปผลการเรียนตามรายการในแบบฟอร์มสรุปผลการเรียนตลอดช่วงชั้น
แล้วมอบสมุดบันทึกผลการเรียนรู้(ปพ.๙) ให้ผู้เรียนนำไปเก็บรักษาและใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงผลการเรียนของตนต่อไป
✿ กรณีผู้เรียนออกจากสถานศึกษาระหว่างจบช่วงชั้น ให้สถานศึกษากรอกข้อมูล ผลการเรียนทั้งหมดของผู้เรียนที่เรียนได้ รายวิชาที่อยู่ระหว่างกำลังศึกษาให้กรอกผลการเรียนเท่าที่มี ทั้งหมด รวมทั้งจัดทำสรุปผลการเรียนตามที่เป็นจริงด้วย
ให้ผู้เรียนนำสมุดนี้ไปมอบให้สถานศึกษา ที่เข้าศึกษาใหม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการขอเทียบโอนผลการเรียนต่อไป
๖.๒) การออกใบสุทธิและใบรับรองสถานศึกษา
(พ้นกำหนด ๑๐ ปี)
✿ เมื่อมีผู้มายื่นขอให้สถานศึกษาออกใบสุทธิและใบรับรองที่ขอรับเมื่อพ้นกำหนด ๑๐ ปี ให้ผู้บริหารสถานศึกษาตรวจสอบว่าจบการศึกษาตามหลักสูตรดังกล่าวจริงหรือไม่
แล้วจึงออก ใบสุทธิหรือใบรับรองได้โดยปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ
๖.๓) การออกใบสุทธิและหนังสือรับรองความรู้ของสถานศึกษา (กรณีสูญหายหรือเสียหาย)
✿ เมื่อมีผู้มายื่นขอให้สถานศึกษาออกใบสุทธิหรือหนังสือรับรองความรู้ในกรณีที่เอกสารเดิมเกิดการสูญหายหรือเสียหายให้สถานศึกษาดำเนินการ ดังนี้
๑)ให้ผู้ขอแจ้งความถึงเหตุแห่งการสูญหายหรือเสียหายต่อเจ้าพนักงานตำรวจ เพื่อลงบันทึกประจำวัน
๒)ยื่นคำร้องพร้อมแนบเอกสารการแจ้งความต่อสถานศึกษา
๓)สถานศึกษาตรวจหลักฐานทางทะเบียนที่เกี่ยวข้อง
๔)ออกใบแทนใบสุทธิหรือหนังสือรับรองความรู้
๕)ลงบันทึกในหมายเหตุประจำวันของสถานศึกษาไว้เป็นหลักฐาน
๖)จัดทำทะเบียนการออกหนังสือรับรองความรู้
๔.การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
๔.๑ ศึกษาและสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการศึกษาวิเคราะห์ วิจัยและการนำผลวิจัย มาใช้ในการบริหารจัดการและการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา
๔.๒ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้
๔.๓ ดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้
และใช้เป็นแนวทางการแก้ปัญหาคุณภาพ การเรียนรู้ของผู้เรียน
๔.๔ ศึกษาเอกสารที่
เกี่ยวกับข้อมูลและผลงานวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพนักเรียนในความรับผิดชอบ
๔.๕ สร้างเครือข่ายในการศึกษา วิเคราะห์ วิจัยกระบวนการจัดการเรียนรู้ทั้งภายในโรงเรียน ระหว่างโรงเรียน เขตพื้นที่การศึกษา และส่วนกลาง
๔.๖ วิจัย
ประเมินผล เพื่อพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา
๕.การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษา
๕.๑ ศึกษา
สำรวจ วิเคราะห์สภาพปัญหา การจัดหา การเลือก การใช้ และการประเมิน คุณภาพสื่อ
นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อใช้จัดการเรียนการสอนและการบริหารงาน วิชาการของสถานศึกษาในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้สำหรับเด็กปกติและเด็กพิการเรียนร่วม
๕.๒ จัดหาสื่อและเทคโนโลยีที่
ทันสมัยอย่างหลากหลาย เพื่อใช้ในการเรียนการสอน และการพัฒนางานด้านวิชาการ
๕.๓ เลือกใช้สื่อและเทคโนโลยีที่ผ่านการประเมินคุณภาพทางวิชาการจากคณะกรรมการของสถานศึกษา
คณะกรรมการของ สพท.,
สพป, สพม. และหรือกระทรวงศึกษาธิการแล้วโดยดำเนินการคัดเลือกในรูปของคณะกรรมการและประเมินการใช้สื่ออย่างสม่ำเสมอ
๕.๔ ผลิต
พัฒนาสื่อ นวัตกรรมการเรียนการสอน รวมทั้งประเมินคุณภาพสื่อฯ เพื่อเลือกใช้ ประกอบการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
๕.๕ มีส่วนร่วมในการพัฒนาศูนย์สื่อ
นวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่อการศึกษาในสถานศึกษา
๕.๖ ประสานความร่วมมือในการผลิต
จัดหา พัฒนา และแลกเปลี่ยนการใช้สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี
เพื่อการศึกษาที่ทันสมัย สำหรับใช้จัดการเรียนการสอนและพัฒนางานด้านวิชาการ กับสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษาผู้ปกครององค์กรในท้องถิ่น รวมทั้งหน่วยงานและสถาบันอื่นๆ
๕.๘ ประเมินผลการผลิต
จัดหา พัฒนา และใช้สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
๕.๘ เผยแพร่สื่อ
นวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อการศึกษาที่ครูผลิตและพัฒนาให้เพื่อนครู สถาบันการศึกษา
ทั้งภายในและภายนอกเขตพื้นที่การศึกษาได้ใช้ประโยชน์ต่อการเรียนการสอน
และการพัฒนาวิชาชีพครูอย่างประสิทธิภาพ
๖.การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้
๖.๑ สำรวจแหล่งการเรียนรู้ที่
เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพทั้งในและนอกสถานศึกษา ทั้งในและนอกเขตพื้นที่การศึกษาที่โรงเรียนสังกัด
๖.๒ จัดทำเอกสารรวบรวมเผยแพร่
แหล่งเรียนรู้แก่ ครู บุคลากร ครอบครัว องค์กร หน่วยงานสถานศึกษาอื่นๆ
ที่จัดการศึกษาบริเวณใกล้เคียง
๖.๓ มีส่วนร่วมในการจัดตั้งและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน
รวมทั้งพัฒนาให้เกิด องค์ความรู้
๖.๔ ประสานความร่วมมือ
วางแผนกับสถานศึกษาอื่น บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงานที่จัดการศึกษา
โดยส่งเสริมการใช้แหล่งเรียนรู้ที่แต่ละแหล่งมี
เพื่อใช้ประโยชน์ให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน
๖.๕ มีส่วนร่วมในการส่งเสริม
สนับสนุนให้เพื่อนครูได้ใช้แหล่งเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ทั้งภายใน และภายนอกสถานศึกษา โรงเรียนในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ครอบคลุมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น
๗.การพัฒนางานห้องสมุด
๗.๑ มีส่วนร่วมในการจัดหาหนังสือ
เอกสาร วิทยาการวัสดุอุปกรณ์ สำหรับให้บริการแก่ นักเรียน
บุคลากรในโรงเรียน และชุมชนอย่างเพียงพอและทันสมัย
๗.๒ ศึกษาการจัดระบบการเก็บข้อมูล
ทะเบียนหนังสือ เอกสารประเภทต่างๆ ให้บริการ ยืม-คืนหนังสือ ซ่อมบำรุงเอกสารและสื่อด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
๗.๓ มีส่วนร่วมในการพัฒนาห้องสมุด
ทั้งการบริการบุคลากรในโรงเรียนและการให้บริการชุมชน
๗.๔ มีส่วนร่วมในการปรับปรุง พัฒนาห้องสมุดให้เป็นสถานที่ที่สามารถสร้างองค์ความรู้ และพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่มีคุณภาพ
๗.๕ ใช้บริการเย็บเล่ม เข้าปกหนังสือ และเคลือบพลาสติกเอกสารต่อหน่วยงานในโรงเรียน
๗.๖ ดูแลและประสานงานกับผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมการเรียนรู้โดยใช้อินเทอร์เน็ต
๗.๗ มีส่วนร่วมกิจกรรมต่างๆ
เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ครู นักเรียน และบุคคลในชุมชน รักการอ่านและการเรียนรู้ เช่น สัปดาห์ห้องสมุด
กิจกรรมรักการอ่าน เป็นต้น
๗.๘ สรุปรายงานผลการปฏิบัติงานเสนอต่อผู้บริหารทุกภาคเรียน
๗.๙ ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ที่ โรงเรียนมอบหมายเกี่ยวกับการพัฒนาห้องสมุด
๘.การนิเทศการศึกษา
๘.๑ ศึกษาระบบการนิเทศงานวิชาการและการเรียนการสอนภายในสถานศึกษา
✿ ร่วมเป็นคณะกรรมการนิเทศภายในสถานศึกษา
✿ ร่วมวางแผนนิเทศภายในสถานศึกษาโดยใช้กิจกรรมที่
หลากหลายและเหมาะสม กับสถานศึกษา
✿ จัดทำเครื่องมือนิเทศงานวิชาการและการเรียนการสอน
๘.๒ ดำเนินการนิเทศงานวิชาการและการเรียนการสอนตามที่
ได้รับมอบหมาย
✿ สร้างความตระหนักความรู้ความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้อง
✿ กำหนดปฏิทินการนิเทศ
✿ ดำเนินการตามแผนนิเทศ
๘.๓ ประเมินผลระบบและกระบวนการนิเทศภายในสถานศึกษา
✿ ตั้งคณะกรรมการประเมินผลการนิเทศ
✿ จัดทำเครื่องมือประเมินผลการนิเทศ
✿ ประเมินผลการนิเทศอย่างต่อเนื่อง
๘.๔ ประสานงานกับเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อพัฒนาระบบและกระบวนการนิเทศงานวิชาการ และการเรียนการสอนของสถานศึกษา
✿ ขอความร่ วมมือเป็นวิทยากร พัฒนาผู้นิเทศเกี่
ยวกับความรู้และทักษะการนิเทศ งานวิชาการ การเรียนการสอนและการสร้างเครื่องมือนิเทศ
✿ ขอความร่วมมือประเมินระบบและกระบวนการนิเทศภายในสถานศึกษา
๘.๕ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์การจัดระบบการนิเทศภายในกับสถานศึกษาอื่น หรือเครือข่ายการนิเทศภายในเขตพื้นที่การศึกษา
✿ รวบรวมข้อมูลสถานศึกษาที่จัดการนิเทศภายในสถานศึกษาดีเด่น
✿ ศึกษาดูงานสถานศึกษาที่จัดการนิเทศภายในสถานศึกษาดีเด่น
✿ พัฒนาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา โดยหัวหน้ากลุ่มสาระและผู้บริหาร แบบกัลยาณมิตรหรือระหว่างครูผู้สอน ศึกษาสถานการณ์โลกและสังคมที่เปลี่ยนแปลง เพื่อเชื่อมโยง กับองค์ความรู้และประสบการณ์เดิม
✿ ปรับปรุง พัฒนาองค์ความรู้ใหม่อย่างต่อเนื่องจนเกิดผลดีต่อการจัดประสบการณ์เรียนรู้
✿ แลกเปลี่ยนประสบการเรียนรู้ระหว่างครู
กลุ่มสาระ สถานศึกษาหรือสถานบันอื่นๆ
๙.งานแนะแนว
๙.๑ จัดระบบการแนะแนวทางวิชาการและวิชาชีพภายในสถานศึกษา
โดยเชื่อมโยงกับระบบ ดูแลช่วยเหลือนักเรียนและกระบวนการเรียนการสอน
✿ ตั้งคณะกรรมการแนะแนวภายในสถานศึกษา
✿ วางแผนจัดกิจกรรมแนะแนวทางวิชาการและวิชาชีพภายในสถานศึกษา
๙.๒ ดำเนินการแนะแนวและพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
โดยความร่วมมือของครูทุกคนในสถานศึกษา
✿ ประสานความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง ครูที่ปรึกษาและครูทุกคน เพื่อทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือจัดกิจกรรมตามแผน
✿ จัดกิจกรรมแนะแนววิชาการและวิชาชีพตามแผนที่วางไว้
๙.๓ ติดตามและประเมินผลระบบและกระบวนการแนะแนวในสถานศึกษา
✿ จัดทำเครื่องมือประเมินผลระบบแนะแนวให้ครอบคลุมวัตถุประสงค์และกิจกรรมแนะแนว
✿ ดำเนินการติดตาม ประเมินผลการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
๙.๔ ประสานความร่วมมือ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และประสบการณ์ด้านการแนะแนวกับสถานศึกษาอื่น หรือเครือข่ายแนะแนวภายในเขตพื้นที่การศึกษา
✿ รวบรวมข้อมูลสถานศึกษาที่ จัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและแนะแนวดีเด่
น เป็นแบบอย่างได้
✿ ศึกษาดูงานสถานศึกษาที่จัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและการแนะแนวดีเด่น
✿ พัฒนาระบบแนะแนวภายในสถานศึกษา แนวทางการดำเนินงาน
๑๐.การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
๑๐.๑ จัดทำระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาตามที่กฎกระทรวงกำหนด
ดังนี้
๑๐.๑.๑ การจัดระบบบริหารและสารสนเทศ
๑๑.๑.๒ การพัฒนามาตรฐานการศึกษา
๑๐.๑.๓ การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาหรือแผนกลยุทธ์
และแผนปฏิบัติการ
ประจำปี
๑๐.๑.๔ การดำเนินงานตามแผน
๑๐.๑.๕ การตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษาประจำปี
๑๐.๑.๖ การประเมินคุณภาพการศึกษา
๑๐.๑.๗ การรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปี
๑๑.๑.๘ การผดุงระบบการประกันคุณภาพการศึกษา
โดยการจัดระบบการประกัน คุณภาพภายในสถานศึกษา ควรยึดหลักการการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น สพท., สพป., สพม.และสพฐ.(สวก.)เป็นต้น
๑๐.๒ จัดโครงสร้างการบริหารที่เอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามระบบการประกัน คุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
๑๐.๓ แต่งตั้งคณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
โดยมีอำนาจ และ หน้าที่ มีดังนี้
(๑) กำหนดแนวทางและวิธีดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน
(๒) กำกับติดตาม
ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการประกัน คุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
(๓) เสนอสถานศึกษาแต่งตั้งคณะบุคคลทำหน้าที่ตรวจสอบ
ทบทวน และรายงาน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา(รายงานประจำปี)
ทั้งนี้ให้กำหนดอำนาจและหน้าที่ ไว้ในคำสั่งแต่งตั้ง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้รับทราบอย่างทั่วถึง
๑๐.๔ สร้างความตระหนัก
เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาภายในสถานศึกษา
๑๐.๕ บุคลากรภายในสถานศึกษาร่วมจัดทำแนวปฏิบัติในการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
เพื่อการยอมรับและยึดถือปฏิบัติร่วมกัน
๑๐.๖ จัดระบบข้อมูลสารสนเทศที่มีข้อมูลสารสนเทศครอบคลุมภารกิจ
และสามารถแสดงถึงประสิทธิภาพ
ประสิทธิผลของการบริหารจัดการศึกษาของสถานศึกษาได้อย่างพอเพียง
ถูกต้อง ชัดเจน เป็นปัจจุบัน
และสามารถจัดเก็บเรียกใช้ข้อมูลสารสนเทศได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
๑๐.๗ กำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหรือการศึกษาปฐมวัย และสามารถเพิ่มเติมเฉพาะในส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นได้
๑๐.๘ จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาหรือแผนกลยุทธ์ของสถานศึกษา และจัดทำแผน ปฏิบัติการประจำปีรองรับ โดยควรคำนึงและครอบคลุมในเรื่องต่อไปนี้
(๑) เป็นแผนที่
ใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์สภาพปัญหาและความจำเป็นของสถานศึกษา
อย่างเป็นระบบ
(๒) กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ ผลผลิต และสภาพความสำเร็จของ การพัฒนา เช่นผลสัมฤทธิ์ในวิชาการหลัก คุณลักษณะที่พึงประสงค์
เป็นต้น กำหนดไว้อย่าง ต่อเนื่อง ชัดเจน และเป็นรูปธรรม
(๓) กำหนดวิธีการดำเนินงาน/กลยุทธ์ที่มีหลักวิชา ผลวิจัยหรือข้อมูลเชิงประจักษ์ ที่อ้างอิงได้ และสามารถนำไปสู่เป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ได้
(๔) กำหนดแหล่ง/หน่วยงานที่
ให้การสนับสนุนและเกี่ยวข้องในแต่ละด้าน
(๕) กำหนดบทบาทหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ และการเข้ามามีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชนไว้ให้ชัดเจน
(๖) กำหนดแผนการใช้งบประมาณและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
๑๐.๙ จัดทำแผนการกำกับ
ติดตาม ตรวจสอบ ทบทวน และรายงานผลการดำเนินงานตามแผน
๑๐.๑๐ ดำเนินการตามแผนพัฒนาคุณภาพ/แผนกลยุทธ์
๑๐.๑๑ ดำเนินการกำกับ ติดตาม ตรวจสอบ
ทบทวน และรายงานผลการดำเนินงานตามแผน
พัฒนาคุณภาพ/แผนกลยุทธ์
๑๐.๑๒ ประเมินผลการดำเนินงานและความก้าวหน้าของการพัฒนาสถานศึกษาตาม มาตรฐานการศึกษาที่กำหนด
๑๐.๑๓ จัดทำรายงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษาประจำปี
(SAR : รายงานประจำปี)
เสนอหน่วยงานต้นสังกัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
๑๑.งานพัฒนากลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ สาระ
๑๒.งานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
งานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นงานที่เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ มุ่งเน้นเพิ่มเติมจากการจัดกิจกรรมตามกลุ่มสาระ
ประกอบด้วย งานกิจกรรมแนะแนว ห้องสมุด กิจกรรมชุมนุม
กิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาด หรือกิจกรรมอื่นใดที่กำหนดไว้ในหลักสูตร มีแนวปฏิบัติ
๑๒.๑ รวบรวมระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
๑๒.๒ จัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี ปฏิทินปฏิบัติงาน สรุป และรายงานผลการปฏิบัติงาน ของกิจกรรมชุมนุม
ลูกเสือ และกิจกรรมแนะแนว
๑๒.๓ กำหนดกลุ่มผู้เรียน อาจารย์ที่ปรึกษา และระบบบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
๑๒.๔ นิเทศ
ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานการจัดกิจกรรมชุมนุม ลูกเสือ และยุวกาชาด
๑๒.๕ จัดกิจกรรมแนะแนวตามโครงสร้างของหลักสูตร ทั้งการจัดการเรียนรู้และการจัด บริการต่างๆ
ครบถ้วน
๑๒.๖ การจัดและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน
๑๒.๗ การปรับปรุงผลการเรียนของนักเรียนที่ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
๑๒.๘ ประสานการดำเนินงานกับกลุ่มสาระ
๑๒.๙ ปฏิบัติงานอื่นๆ
ตามที่ ได้รับมอบหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น