ความรู้สำหรับครู ๕
......นายปณิธาน เรืองไชย ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดถ้ำวราราม สพป.สุราษฎร์ธานี
เขต ๒
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณธรรม
ข้อบังคับคุรุสภา
ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ
พ.ศ. ๒๕๕๖
“ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา” หมายความว่า
ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา
และบุคลากรทางการศึกษาอื่น
ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามพระราชบัญญัติสภาครู
และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.
๒๕๔๖
“ครู” หมายความว่า
บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริม
การเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาปฐมวัย
ขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษาที่ต่ํากว่าปริญญา
ทั้งของรัฐและเอกชน
“ผู้บริหารสถานศึกษา” หมายความว่า
บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตําแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา
ภายในเขตพื้นที่การศึกษา
และสถานศึกษาอื่นที่จัดการศึกษาปฐมวัย ขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษาที่ต่ํากว่าปริญญา
ทั้งของรัฐและเอกชน
“ผู้บริหารการศึกษา” หมายความว่า
บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตําแหน่งผู้บริหารนอกสถานศึกษา
ในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
“บุคลากรทางการศึกษาอื่น” หมายความว่า บุคคลซึ่งทําหน้าที่สนับสนุนการศึกษา ให้บริการ
หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ
และการบริหารการศึกษา
ในหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ
ซึ่งหน่วยงานการศึกษากําหนดตําแหน่งให้ต้องมีคุณวุฒิทางการศึกษา
“จรรยาบรรณของวิชาชีพ” หมายความว่า
มาตรฐานการปฏิบัติตนที่กําหนดขึ้นเป็นแบบแผน
ในการประพฤติตน
ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม
เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียง
และฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคม อันจะนํามา
ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ
จรรยาบรรณวิชาชีพทางการศึกษา ๙ ประการ
หมวด ๑ จรรยาบรรณต่อตนเอง
๑.
ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ต้องมีวินัยในตนเอง
พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ
และวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ
หมวด ๒ จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ
๒. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก ศรัทธา
ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ
หมวด ๓ จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ
๓ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก
เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ
ส่งเสริม ให้กําลังใจแก่ศิษย์ และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า
๔.
ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้
ทักษะ และนิสัย ที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์
และผู้รับบริการ
ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ
ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
๕.
ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ
๖.
ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ต้องไม่กระทําตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา
จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ และผู้รับบริการ
๗.
ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค
โดยไม่เรียกรับ
หรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตําแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
หมวด ๔ จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ
๘
ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม
สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
หมวด ๕ จรรยาบรรณต่อสังคม
๙.
ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นําในการอนุรักษ์ และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม
ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา
สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ ของส่วนรวม
และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คุณธรรม
คุณธรรมที่ใช้ในการปฏิบัติงาน
คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดี ความประพฤติที่ดี การทำให้เกิดคุณงามความดี อุปนิสัยอันดีงาม
ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่อยู่ภายในจิตใจของบุคคล ได้แก่ ความเมตตากรุณา ความซื่อสัตย์ สุจริต ความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อ
ความกตัญญู ความพากเพียร ความเห็นอกเห็นใจ ความละอายต่อความชั่ว และความมุ่งมั่นกล้าหาญที่จะกระทำความดี
ในการกระทำความดีนั้นจะต้องมุ่งกระทำทั้งกายและใจ เพื่อให้เกิดความสุขแก่ตนเองและผู้ร่วมงาน เนื่องจากคุณธรรมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสภาพคุณงามความดี คนที่ดีจึงต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของคุณงามความดี หลักการพื้นฐานของ
ความจริงเป็นสัจธรรม และหลักการประพฤติปฏิบัติของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับคุณค่าของความดีงาม เพื่อจะได้ใช้ดุลยพินิจในการปฏิบัติตนคุณธรรมที่
ใช้ในการพัฒนาตนเอง พัฒนาคน และพัฒนางาน ดังนี้
1. โลกบาลธรรม หมายถึง ธรรมที่คุ้มครองโลก เป็นธรรมที่ ใช้ปกครอง ควบคุมจิตใจมนุษย์ ไว้ให้อยู่ ในความดี มิให้ละเมิดศีลธรรม ให้อยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุข ไม่เดือดร้อน สับสน วุ่นวาย ซึ่งประกอบด้วย 2 ประการ คือ
1.1 หิริ ได้แก่ ความละอายแก่
ใจตนเองในการทำความชั่ว
1.2 โอตตัปปะ ได้แก่ ความเกรงกลัวบาป เกรงกลัวต่อการทำความชั่วและผลของกรรมชั่ว ที่ได้กระทำขึ้น
2. ธรรมที่ทำให้งาม
ประกอบด้วย 2 ประการ คือ
2.1 ขันติ
ได้แก่
ความอดทน คือ อดทนต่อความทุกข์ อดทนต่อความลำบาก อดทนต่อ ความโกรธ ความหนักเอาเบาสู้ เพื่อให้บรรลุจุดหมายที่ดีงาม
2.2 โสรัจจะ ได้แก่ ความสงบเสงี่ยม ความมีอัธยาศัยงดงาม รักความประณีต และรักษา อากัปกิริยาให้เหมาะสมเรียบร้อย เป็นลักษณะอาการที่ต่อเนื่องจากความมีขันติ
3. ธรรมที่ทำให้งานสำเร็จ
คือ
อิทธิบาท 4 ประกอบด้วย
3.1 ฉันทะ
ได้แก่
การสร้างความพอใจในการทำงาน
3.2 วิริยะ ได้แก่ ความเพียรพยายามทำงานตามบทบาทหน้าที่
3.3 จิตตะ ได้แก่ การเอาใจฝักใฝ่ ไม่ทอดทิ้งธุระ
3.4 วิมังสา ได้แก่
การหมั่นตริตรอง พิจารณาแก้ไขปรับปรุงงานที่ต้องปฏิบัติอยู่เสมอ
4. สังคหวัตถุ เป็นหลักธรรมแห่งการสงเคราะห์ช่วยเหลือ เป็นคุณธรรมในการยึดเหนี่ยว จิตใจของผู้อื่นไว้ หลักการสงเคราะห์ช่วยเหลือ 4 ประการ ได้แก่
4.1 ทาน ได้แก่
การแบ่งปัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน
4.2 ปิยวาจา ได้แก่ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่สุภาพ เป็นที่นิยมนับถือ
4.3 อัตถจริยา ได้แก่ การประพฤติที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
4.4 สมานัตตา ได้แก่ ความมีตนเสมอ ไม่ถือตัว ร่วมทุกข์ ร่วมสุข
5.
พรหมวิหาร
เป็นหลักธรรมของพรหมธรรมประจำใจอันประเสริฐของผู้ใหญ่ ธรรมประจำใจ ของผู้มีคุณความดียิ่งใหญ่ ประกอบด้วย
5.1 เมตตา ได้แก่ ความต้องการที่จะให้ผู้อื่นเป็นสุข
5.2 กรุณา ได้แก่ ความต้องการที่จะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
5.3 มุทิตา ได้แก่ ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี เห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จก็ยินดี
5.4 อุเบกขา ได้แก่ ความวางใจเป็นกลาง ไม่เอนเอียงด้วยความชอบหรือชัง ความวางใจ เฉยได้ ไม่ยินดียินร้าย เพื่อใช้ปัญญาพิจารณาเห็นผลอันเกิดขึ้นอันสมควรแก่เหตุ
6. สัปปุริสธรรม เป็นธรรมของคนดี ประกอบด้วย
7 ประการ คือ
6.1 ธัมมัญญตา ความเป็นผู้รู้จักเหตุ
6.2 อัตถัญญตา ความเป็นผู้รู้จักผล
6.3 อัตตัญญตา ความเป็นผู้รู้จักตน
6.4 มัตตัญญตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณ
6.5 กาลัญญตา ความเป็นผู้รู้จักกาล
6.6 ปริสัญญตา ความเป็นผู้รู้จักชุมชน
6.7 ปุคคลัญญตา ความเป็นผู้รู้จักบุคคล
7. ฆราวาสธรรม
เป็นธรรมของผู้ครองเรือน ประกอบด้วย
7.1 สัจจะ ความซื่อสัตย์ต่อกัน
7.2 ทมะ
ความฝึกฝนปรับปรุงตนให้รู้ข่มใจ ควบคุมอารมณ์ ควบคุมตนเอง และปรับตัว ให้เข้ากับงานและสิ่งแวดล้อม
7.3 ขันติ ความอดทนต่อการปฏิบัติงานตามหน้าที่
7.4 จาคะ ความเสียสละ เผื่อแผ่ แบ่งปัน มีน้ำใจ
8. กาลามสูตร เป็นสูตรหนึ่ งในคัมภีร์ติกนิบาตอังคุตตรนิกาย ที่
พระพุทธเจ้าตรัสสอน ประชาชนชาว กาลามะ แห่งเกสปุตตนิคม ในแคว้นโกศลไม่
ให้เชื่อถืองมงายไร้เหตุผล ตามหลัก 10 ประการ คือ
8.1 อย่าเชื่อโดยได้ยินได้ฟังตามกันมา
8.2 อย่าเชื่อโดยเห็นเป็นของเก่าเล่าสืบกันมา
8.3 อย่าเชื่อโดยมีข่าวลือ
8.4 อย่าเชื่อโดยอ้างตำรา
8.5 อย่าเชื่อโดยนึกเอาเอง
8.6 อย่าเชื่อโดยนัยคาดคะเน
8.7 อย่าเชื่อโดยตรึกตรองตามอาการ
8.8 อย่าเชื่อโดยเพราะเห็นว่าเข้ากับทฤษฎีของตน
8.9
อย่าเชื่อเพราะเห็นว่าผู้พูดควรเชื่อ
8.10 อย่าเชื่อเพราะเห็นว่าเป็นครูของเขา
การประสานงานการสื่อความหมาย
มนุษยสัมพันธ์ และการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
การประสานงาน หมายถึง การกระทำหรือการนำวิธีการต่างๆ มาใช้เพื่อให้บุคคลหรือ หน่วยงานร่วมมือปฏิบัติด้วยความสามัคคี แบ่งหน้าที่กันทำ ไม่มีการก้าวก่ายซ้ำซ้อนกัน ให้ทุกคน รับผิดชอบ ขจัดความขัดแย้งหรืออุปสรรคต่างๆ ในหน่วยงานเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วย ความเรียบร้อย ราบรื่น และบรรลุผลสำเร็จ
รูปแบบการประสานงาน มี 2
รูปแบบ คือ
1.การประสานงานแบบเป็นทางการ
2.การประสานงานอย่างไม่เป็นทางการ
ลักษณะการประสานงานที่ดี คือ
1.การสื่อสารระบบเปิดเป็นการสื่อสารแบบ 2 ทาง
2.บรรยากาศในการทำงานเป็นแบบสมานฉันท์
3.มีลักษณะการทำงานที่สอดคล้องกัน
4.เป็นไปตามเป้าหมายและทันเวลา
วิธีการประสานงาน มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.จัดให้มีผัง กำหนดหน้าที่ของคนทุกคนอย่างชัดเจน
2.จัดระบบการทำงานคำนึงถึงสายบังคับบัญชา
3. จัดคู่มือการปฏิบัติงาน
4.กำหนดวิธีเลือกการสื่อสารให้ชัดเจน
5.กำหนดงบประมาณไว้ใช้จ่าย
6.ถ้ามีความจำเป็นอาจจัดให้มีเจ้าหน้าที่เฉพาะขึ้นได้
7.จัดให้มีการประชุมปรึกษาหารือ
8 จัดให้มีการนิเทศ กำกับ และติดตามผลในระหว่างการปฏิบัติเป็นระยะๆ
ประโยชน์ของการประสานงาน คือ
1.งานบรรลุวัตถุประสงค์
2.งานไม่ซ้ำซ้อนกัน
3.ลดความขัดแย้งในการทำกิจกรรม
คุณธรรมพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศนโยบายเร่งรัดการปฏิรูปการศึกษา โดยยึดคุณธรรมนำความรู้ สร้างความตระหนักสำนึกในคุณค่าของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ความสมานฉันท์ สันติวิธี วิถีประชาธิปไตยพัฒนาคนโดยใช้คุณธรรมเป็นพื้นฐานของกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงความร่วมมือ ของสถาบันครอบครัว ชุมชน สถาบันศาสนา และสถาบันการศึกษา โดยมีจุดเน้นเพื่อพัฒนาเยาวชน ให้เป็นคนดี มีความรู้ และอยู่ ดีมีสุข มีดังนี้
“8 คุณธรรมพื้นฐาน”
ที่ควรเร่ง ปลูกฝัง ประกอบด้วย
1.ขยัน
2.ประหยัด
3.ซื่อสัตย์
4.มีวินัย
5.สุภาพ
6.สะอาด
7.สามัคคี
8.มีน้ำใจ
ขยัน คือ ความตั้งใจเพียรพยายาม ทำหน้าที่
การงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ อดทนความขยันต้องปฏิบัติควบคู่กับการใช้สติปัญญาแก้ปัญหาจนเกิดผลสำเร็จ
ผู้ที่มีความขยัน คือ ผู้ที่
ตั้งใจทำอย่างจริงจังต่อเนื่องในเรื่องที่ ถูกที่ ควร เป็นคนสู้งาน มีความพยายาม ไม่ท้อถอย กล้าเผชิญอุปสรรค รักงานที่ทำ ตั้งใจทำอย่างจริงจัง
ประหยัด
ประหยัด คือ
การรู้จักเก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สินสิ่
งของแต่ พอควรพอประมาณให้เกิด ประโยชน์คุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ
ผู้ที่มีความประหยัด คือ ผู้ที่ดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย รู้จักฐานะการเงินของตน คิดก่อนใช้ คิดก่อนซื้อ เก็บออมถนอมใช้ทรัพย์สินสิ่งของอย่างคุ้มค่า รู้จักทำบัญชีรายรับรายจ่าย รายออมของตนเองอยู่เสมอ
ซื่อสัตย์
ซื่อสัตย์ คือ ประพฤติตรงไม่เอนเอียงไม่มีเล่ห์เหลี่ยม มีความจริงใจ ปลอดจากความรู้สึก ลำเอียงหรืออคติ
ผู้ที่มีความซื่อสัตย์ คือ ผู้ที่มีความประพฤติตรงทั้งต่อหน้าที่ ต่อวิชาชีพ ตรงต่อเวลา ไม่ ใช้ เล่ห์กล คดโกง ทั้งทางตรงและทางอ้อม รับรู้หน้าที่ของตนเองและปฏิบัติอย่างเต็มที่ถูกต้อง
มีวินัย
มีวินัย คือ การยึดมั่นในระเบียบแบบแผน ข้อบังคับและข้อปฏิบัติ ซึ่งมีทั้งวินัยในตนเอง และวินัยต่อสังคม
ผู้ที่มีวินัย คือ ผู้ที่ปฏิบัติตนในขอบเขต กฎ
ระเบียบของสถานศึกษา สถาบัน/องค์กร/สังคม และประเทศ โดยที่ตนเองยินดีปฏิบัติตามอย่างเต็มใจและตั้งใจ
สุภาพ
สุภาพ คือ เรียบร้อย อ่อนโยน ละมุนละม่อม มีกิริยามารยาทที่ดีงาม มีสัมมาคารวะ
ผู้ที่มีความสุภาพ คือ ผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนตามสถานภาพและกาลเทศะ ไม่ก้าวร้าว รุนแรง วางอำนาจข่มผู้อื่นทั้งโดยวาจาและท่าทาง แต่
ในเวลาเดียวกันยังคงมีความมั่นใจในตนเอง
เป็นผู้ที่มีมารยาท วางตนเหมาะสมตามวัฒนธรรมไทย
สะอาด
สะอาด คือ ปราศจากความมัวหมองทั้งกาย ใจ
และสภาพแวดล้อม ความผ่องใสเป็นที่เจริญตา ทำให้เกิดความสบายใจแก่ผู้พบเห็น
ผู้ที่มีความสะอาด คือ ผู้รักษาร่างกาย ที่อยู่อาศัย สิ่งแวดล้อมถูกต้องตามสุขลักษณะ ฝึกฝน จิตใจมิให้ขุ่นมัว จึงมีความแจ่มใสอยู่เสมอ
สามัคคี
สามัคคี คือ ความพร้อมเพรียงกัน ความกลมเกลียวกันความปรองดองกัน ร่วมใจกัน ปฏิบัติงานให้บรรลุผลตามที่ต้องการเกิดงานการอย่างสร้างสรรค์ปราศจากการทะเลาะวิวาท ไม่เอารัด เอาเปรียบกัน เป็นการยอมรับความมีเหตุผลยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด ความหลากหลายในเรื่องเชื้อชาติ ความกลมเกลียวกันในลักษณะเช่นนี้ เรียกอีกอย่างว่า
ความสมานฉันท์
ผู้ที่มีความสามัคคี คือ
ผู้ที่ เปิดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่
น รู้บทบาทของตน ทั้งในฐานะผู้นำและผู้ตามที่ดี มีความมุ่งมั่นต่อการรวมพลัง ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน เพื่อให้การงาน สำเร็จลุล่วง แก้ปัญหาและขจัดความขัดแย้งได้ เป็นผู้มีเหตุผล ยอมรับความแตกต่างหลากหลาย ทางวัฒนธรรม ความคิด ความเชื่อ พร้อมที่จะปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ
มีน้ำใจ
มีน้ำใจ คือ
ความจริงใจที่ ไม่ เห็นแก่ เพียงตัวเองหรือเรื่องของตัวเอง แต่เห็นอกเห็นใจ เห็นคุณค่าในเพื่อนมนุษย์
มีความเอื้ออาทร เอาใจใส่ ให้ความสนใจในความต้องการ ความจำเป็นความทุกข์สุขของผู้อื่นและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน
ผู้ที่ มีน้ำใจ คือ ผู้ให้และผู้อาสาช่วยเหลือสังคมรู้จักแบ่งปัน เสียสละความสุขส่วนตน เพื่อทำประโยชน์แก่ ผู้อื่นเข้าใจ เห็นใจผู้ที่
มีความเดือดร้อน อาสาช่วยเหลือสังคมด้วยแรงกาย สติปัญญา ลงมือปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหา
หรือร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้เกิดขึ้นในชุมชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น